เกี่ยวกับผักเชียงดา
"ผักเชียงดา" (Gymnema) เป็นผักพื้นบ้าน ส่วนใหญ่พบทางภาคเหนือตอนบนของไทย มีลักษณะไม้เถาเลื้อย ยอดและใบของผักเชียงดา สามารถนำไปประกอบอาหารได้
ลักษณะทั่วไปของผักเชียงดา เป็นไม้เถาเลื้อย ลำต้นเป็นสีเขียว มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 0.5-5 เซนติเมตร ทุกส่วนที่อยู่เหนือดินของต้นจะมีน้ำยางสีขาวคล้ายน้ำนม ใบเป็นใบเดี่ยว ออกจากข้อเรียงเป็นคู่ตรงข้ามกัน ลักษณะของใบเป็นรูปรี หรือ รูปกลมรี ปลายใบแหลม โคนใบแหลม ส่วนขอบใบเรียบ หรือ เป็นคลื่นเล็กน้อย ใบมีขนาดกว้างประมาณ 9-11 เซนติเมตร และยาวประมาณ 14.5-18.5 เซนติเมตร แผ่นใบเป็นสีเขียวเข้ม ท้องใบมีสีอ่อนกว่า ผิวใบเรียบไม่มีขน ก้านใบยาวประมาณ 3.5-6 เซนติเมตร ส่วนดอกผักเชียงดา ออกดอกเป็นช่อแน่นสีขาวอมเขียวอ่อน ดอกย่อยมีขนาดเล็กกลม เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 5-6 มิลลิเมตร และผลของผักเชียงดาจะออกเป็นฝักคู่
....องค์ประกอบทางเคมีของผักเชียงดา....
มีผลการศึกษาวิจัย พบสารสำคัญที่ออกฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา คือ จิมนิมิก เอซิด (Gymnemic acid)ซึ่งเป็นกรดอินทรีย์ที่สกัดได้จากใบและรากของผักเชียงดา จิมนิมิก เอซิด (Gymnemic acid)มีโมเลกุลคล้ายกับน้ำตาล เมื่อร่างกายได้รับสารสำคัญดังกล่าว จะดูดซึมแทนน้ำตาลตัวจริง ทำให้น้ำตาลตัวจริงนั้นถูกขับออกจากร่างกายในรูปแบบของปัสสาวะ นอกจากนี้จิมนิมิก เอซิด(Gymnemic acid)มีฤทธิ์ในการยับยั้งการขนส่งน้ำตาลและชะลอการดูดซึมในลำไส้เล็ก ส่งผลให้ค่าน้ำตาลในเลือดลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

โครงสร้างทางเคมีของผักเชียงดา
Gymnemic acid มี tri-terpenoid, glucuronic acid และกรดไขมันรวมอยู่ในโมเลกุลเดียวกัน นอกจาก Gymnemic acid ซึ่งเป็นสารออกฤทธิ์สำคัญแล้ว ยังพบสารสกัดจากผักเชียงดาที่สำคัญอื่น ๆ อีก เช่น flavones d-quercitol, tartaric acid, formic acid, butyric acid, lupeol, hentriacontane, pentatriacontane, stigma sterol, acidic glycosides และ anthroquinones5 สำหรับสารที่อยู่ในกลุ่มที่เป็นกรดอินทรีย์ และละลายน้ำได้จะมีคุณสมบัติที่เกี่ยวข้องกับระดับน้ำตาลในเลือด
ผักเชียงดาแต่ละสายพันธุ์ มีปริมาณสารสำคัญแตกต่างกัน?
สถาบันวิจัยเทคโนโลยีเกษตร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา ได้รวบรวมและศึกษาวิจัย เพื่อคัดเลือกสายพันธุ์ผักเชียงดาที่ให้ผลผลิตสูงเพื่อเป็นต้นพันธุ์สำหรับการพัฒนาสายพันธุ์ที่มีปริมาณกรดจิมเนมิคและสารต้านอนุมูลอิสระสูง สำหรับใช้ประโยชน์ในอุตลาหกรรมผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร มีจำนวน2สายต้นที่มีศักยภาพสูง คือ สายต้นเบอร์ 4 และ เบอร์6 ลักษณะทางพฤกษศาลตร์ที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด คือ สายต้นเบอร์4 มีลักษณะใบกลม หนา และยอดอวบสั้น ส่วนสายต้นเบอร์6 มีลักษณะใบยาวรี บาง และยอดยาว และมีปริมาณกรดจิมเนมิคในผักเชียงดาอบแห้งร้อยละ 1.51 – 1.53 ซึ่งปริมาณกรดจิมนิมิกที่มีผลต่อการลดน้ำตาลในเลือดควรมีไม่ต่ำกว่าร้อยละ 1.2 (gravimetic method)

ข้อควรระวังและข้อแนะนำ
1.ควรรับประทานผักเชียงดาหรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของผักเชียงดาในปริมาณที่พอดี หากรับประทานมากเกินไป อาจมีผลข้างเคียงทำให้เกิดอาการ คลื่นไส้ อาเจียน ท้องร่วงหรือเวียนศีรษะได้
2.ผู้ป่วยเบาหวานหรือคนที่มีโรคประจำตัวควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทาน
3.ผู้ที่มีภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ ความดันโลหิตต่ำ ควรหลีกเลี่ยงหรือปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทาน
แหล่งอ้างอิง:
ดิสไทย. ผักเชียงดา ประโยชน์ดีๆ สรรพคุณเด่นๆ และข้อมูลงานวิจัย สืบค้น 1 กันยายน 2564.จาก https://www.disthai.com/16963872/ผักเชียงดา
ปริญญาวดี ศรีตนทิพย์, นภา ขันสุภา, พิทักษ์ พุทธวรชัย และภัทราภรณ์ ศรีสมรรถการ. (2562). ผักเชียงดา ราชินีผักล้านนา
(น. 10). เชียงใหม่ : สถาบันถ่ายทอดเทคโนโลยีสู่ชุมชน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา
"เชียงดาคัดสรรฟาร์ม" ความเหมือนที่แตกต่าง?
ที่นี่เราคัดเลือกผักเชียงดาสายพันธุ์ดี จาก3แหล่งปลูก เพื่อผลลัพธ์ที่ดีและรสชาติที่ยอดเยี่ยมมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทุกๆการสนับสนุนผลิตภัณฑ์เชียงดาคัดสรรฟาร์มสมุนไพร มีส่วนช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกผักเชียงดาในพื้นที่ให้เกิดรายได้ในชุมชน คัดสรรฟาร์มสมุนไพรขอขอบคุณทุกท่านมา ณ ที่นี้



ผักเชียงดาทางเลือกที่ดี สำหรับส่งเสริมการดูแลสุขภาพ ดูแลน้ำตาล ความดัน ไขมันในเลือดสูง ผู้ทานควรศึกษาข้อควรระวังและรับประทานบนพื้นฐานของความพอดี และที่สำคัญควรออกกำลังกายสม่ำเสมอ

คัดสรรฟาร์มสมุนไพร